ประสิทธิภาพของสารหล่อเย็นที่ดีสามารถพิจารณาได้จาก
- สามารถระบายความร้อนที่เกิดขึ้นจาการตัดเฉือนได้ดี
- มีคุณสมบัติการหล่อลื่นเพื่อลดแรงเสียดทาน และ ลดการสึกหรอของคมตัด
- มีค่าความหนืด (Viscosity) เหมาะสม ในกรณีที่เป็นน้ำมันผสมน้ำ อัตราส่วนในการผสมน้ำมันกับน้ำ อัตราส่วนในการผสมน้ำมันกับน้ำจะมีผลต่อค่าความหนืดที่เกิดขึ้น
- ไม่เสื่อมสภาพเร็ว น้ำยาหล่อเย็นบางชนิดที่ไม่ได้เป็นสารสังเคราะห์ เมื่อผสมน้ำและทิ้งไว้ในถังน้ำยาหล่อเย็น อาจะเกิดการเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น ซี่งกรณีนี้อาจะมีผลมาจากคุณภาพของน้ำที่ใช้ในการผสม
- มีสารป้องกันสนิมผสมอยู่ ซึ่งจำเป็นมากในกรณีของการเลือกใช้น้ำยาหล่อเย็นชนิดน้ำมันผสมน้ำ
- น้ำยาควรมีความใส ไม่เป็นฟองมากจนเกินไป โดยสารหล่อเย็นบางชนิดจะเติมสารลดการเกิดฟอง เนื่องจากฟองเป็นอุปสรรค ต่อ การกำจัดสารปลอมปน เช่น เศษโลหะ เศษกาวและเม็ดคมตัดที่หลุดออกระหว่างการเจียระไน มีผลทำให้เกิดรอยตำหนิบนชิ้นงาน
- ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน อันเนื่องจากสารเคมีที่ผสมอยู่ในน้ำยาหล่อเย็น ซึ่งสารเคมีหลายๆ ชนิดที่ใช้เป็นน้ำยาหล่อเย็นนั้น ค่อนข้างเป็นอันตรายต่อผู้ที่ต้องปฏิบัติงานและสัมผัสกับน้ำยาหล่อเย็นเป็นประจำ ซึ่งปัจจุบันนี้มีน้ำยาหล่อเย็นที่เป็นพิษต่อผู้ปฏิบัติงานน้อย จนเรียกได้ว่าปลอดภัยทั้งกับผุ้ที่ต้องปฎิบัติงานกับน้ำยาหล่อเย็นเป็นประจำ และ ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม
- มีจุดวาบไฟสูง (High Flash Point) หรือไม่ติดไฟง่าย น้ำยาหล่อเย็นบางชนิดทำมาจากน้ำมันซึ่งสามารถติดไฟได้ง่าย หากไม่มีความระมัดระวังเพียงพอ ซึ่งปัจจุบันมีสารสังเคราะห์ที่สามารถทดแทนน้ำมัน ซึ่งจะปลอดภัยในการการทำงานมากกว่าการใช้น้ำยาหล่อเย็นชนิดน้ำมัน ที่สามารถติดไฟได้